1994
DOI: 10.2307/416514
|View full text |Cite
|
Sign up to set email alerts
|

Interlanguage Pragmatics

Help me understand this report

Search citation statements

Order By: Relevance

Paper Sections

Select...
2
1
1

Citation Types

0
3
0
1

Year Published

2023
2023
2023
2023

Publication Types

Select...
2
1

Relationship

0
3

Authors

Journals

citations
Cited by 3 publications
(4 citation statements)
references
References 0 publications
0
3
0
1
Order By: Relevance
“…The DCTs were designed across two sociopragmatic parameters: social distance and power (Brown & Levinson, 1987). These two parameters are often‐examined variables in interlanguage or L2 pragmatics (see Blum‐Kulka et al., 1989; Kasper & Blum‐Kulka, 1993). Second, the two studies asked a group of advanced learners of Chinese to complete the tasks, whose performance was compared against the native speakers’ data.…”
Section: Discussion Of the Articlesmentioning
confidence: 99%
See 1 more Smart Citation
“…The DCTs were designed across two sociopragmatic parameters: social distance and power (Brown & Levinson, 1987). These two parameters are often‐examined variables in interlanguage or L2 pragmatics (see Blum‐Kulka et al., 1989; Kasper & Blum‐Kulka, 1993). Second, the two studies asked a group of advanced learners of Chinese to complete the tasks, whose performance was compared against the native speakers’ data.…”
Section: Discussion Of the Articlesmentioning
confidence: 99%
“…Second language (L2) pragmatics has evolved for approximately four decades. Roughly before this century, the field was more often referred to as interlanguage pragmatics (e.g., Kasper & Blum‐Kulka, 1993), focusing on the comparison of pragmatic performance between native speakers and non‐native speakers. Since this century, researchers have tended to use the term L2 pragmatics (e.g., Bardovi‐Harlig, 2013; Culpeper et al., 2018; Ren, 2015, 2022b; Taguchi & Roever, 2017) to highlight the legitimacy of L2 users’ pragmatic behavior.…”
Section: Introductionmentioning
confidence: 99%
“…The past three decades have witnessed unfailing interest in interlanguage pragmatic (ILP) development or second language (L2) pragmatics (Kasper & Blum‐Kulka, 1993; Ren, 2018; Ren & Han, 2016; Roever, 2022; Rose & Kasper, 2001; Taguchi, 2015; Taguchi & Roever, 2017). So far, research in this field has established that L2 pragmatics can be effectively taught (Félix‐Brasdefer & Shively, 2021; Kapser & Rose, 2002; Roever, 2009; Taguchi, 2011).…”
Section: Introductionmentioning
confidence: 99%
“…................................................................................................... 26 1.8 อั กษรย่ อที ่ ใช้ ในงานวิ จั ย ........................................................................................................ 27 บทที ่ 2 ทบทวนวรรณกรรม .. ............................................................................................................ 28 2.1 แนวคิ ดทฤษฎี ที ่ เกี ่ ยวข้ อง . (Paulston, 1988: 199) (Bachman & Palmer, 1996Canale & Swain, 1980) เนื ่ องจากการสื ่ อสารที ่ ถู กต้ องตามหลั กไวยากรณ์ แต่ ไม่ เหมาะสมกั บปริ บท สถานการณ์ อาจก่ อให้ เกิ ดปั ญหาในการปฏิ สั มพั นธ์ และอาจส่ งผลกระทบต่ อความสั มพั นธ์ ระหว่ าง คู ่ สนทนาในระยะยาวได้ ดั งนั ้ น เพื ่ อให้ ผู ้ เรี ยนสามารถสื ่ อสารภาษาเป้ าหมายได้ อย่ างมี ประสิ ทธิ ภาพ การพั ฒนาความรู ้ ทางไวยากรณ์ เพี ยงอย่ างเดี ยวจึ งไม่ เพี ยงพอ แต่ จำเป็ นต้ องพั ฒนาความสามารถ ทางวั จนปฏิ บั ติ ควบคู ่ ไปด้ วย (Martińez-Flor & Alcón-Soler, 2008: 3-4) ด้ วยเหตุ นี ้ วั จนปฏิ บั ติ ศาสตร์ จึ งเป็ นหั วข้ อที ่ ศาสตร์ การรั บภาษาที ่ สอง (SLA) ให้ ความสนใจศึ กษามากขึ ้ น วั จนปฏิ บั ติ ศาสตร์ อั นตรภาษา (Interlanguage Pragmatics -ILP) เป็ นสาขาหนึ ่ ง ของวั จนปฏิ บั ติ ศาสตร์ ที ่ ศึ กษาการรั บและใช้ ภาษาของผู ้ เรี ยนที ่ ไม่ ใช่ เจ้ าของภาษา (Kasper & Blum-Kulka, 1993: 3) ด้ วยเหตุ นี ้ อาจจั ดได้ ว่ าวั จนปฏิ บั ติ ศาสตร์ อั นตรภาษาเป็ นส่ วนหนึ ่ งของการศึ กษาการ รั บภาษาที ่ สอง (Second Language Acquisition -SLA) ด้ วย (Kasper & Blum-Kulka, 1993: 3) การศึ กษาตามแนวทางนี ้ สนใจศึ กษาอั นตรภาษา (Interlanguage) ซึ ่ งหมายถึ งภาวะหนึ ่ งที ่ ผู ้ เรี ยน ได้ รั บอิ ทธิ พลจากภาษาแม่ ที ่ เกิ ดจากการถ่ ายโอนทางวั จนปฏิ บั ติ ศาสตร์ (Kasper & Blum-Kulka, 1993: 10-11) เข้ ามาใช้ ในภาษาที ่ สอง (L2) ทำให้ ภาษาในระยะนี ้ มี ความผสมผสานลั กษณะของทั ้ ง ภาษาที ่ 1 (L1) ภาษาที ่ สอง (L2) และลั กษณะเฉพาะของอั นตรภาษาเอง (Gass & Selinker, 2008 (Martińez-Flor & Alcón-Soler, 2008: 8-9) ยกตั วอย่ างเช่ นงานวิ จั ยเรื ่ อง "Pragmatic transfer in Thai EFL refusals" (Wannaruk, 2008) ซึ ่ งพบว่ าการถ่ ายโอนจากภาษา แม่ เป็ นปั จจั ยหนึ ่ งที ่ มี ผลต่ อการเลื อกใช้ กลวิ ธี และเนื ้ อหาในการปฏิ เสธของผู ้ เรี ยนภาษาอั งกฤษชาวไทย เป็ นต้ น งานวิ จั ยอี กส่ วนหนึ ่ งยั งแสดงให้ เห็ นว่ าวั จนกรรมที ่ ผู ้ เรี ยนใช้ อาจไม่ เหมาะสมหรื อก่ อให้ เกิ ด ปั ญ หาในการปฏิ สั มพั นธ์ ได้ เช่ น งานวิ จั ยเรื ่ อง " The speech act of disagreement by Indonesian EFL learners: politeness strategies and appropriateness" (Rianita & Nurhayati, 2018) ซึ ่ งศึ กษากลวิ ธี การแสดงความเห็ นแย้ งของผู ้ เรี ยนภาษาอั งกฤษชาวอิ นโดนี เซี ยและ ประเมิ นความเหมาะสมของกลวิ ธี เหล่ านั ้ น ผลการศึ กษาพบว่ าเจ้ าของภาษาประเมิ นว่ าวั จนกรรมการ แสดงความเห็ นแย้ งส่ วนใหญ่ ของผู ้ เรี ยนไม่ เหมาะสมตามความคิ ดของเจ้ าของภาษา ซึ ่ งอาจเป็ นผลมา จากอิ ทธิ พลของภาษาแม่ โดยพบว่ าวั จนกรรมของผู ้ เรี ยนมั กจะสั ้ น ทำให้ เจ้ าของภาษารู ้ สึ กว่ าเป็ นการ แสดงความเห็ นแย้ งที ่ ตรงและหยาบคายเกิ นไป เป็ นต้ น วั จนกรรมการแสดงความเห็ นแย้ ง (Disagreement) เป็ นวั จนกรรมพื ้ นฐานที ่ เกิ ดขึ ้ นทั ่ วไ...…”
Section: unclassified