2022
DOI: 10.1590/1519-6984.237789
|View full text |Cite
|
Sign up to set email alerts
|

Late effects of Beauveria bassiana on larval stages of Aedes aegypti Linneo, 1762 (Diptera: Culicidae)

Abstract: Aedes aegypti is a culicide that has gained relevance over the years due to its ability to transmit various viruses that cause diseases in humans that all the years cause high mortality rates in the world population. The main problem is that Ae. aegypti has managed to establish and maintain a close relationship with humans and their habitat, which is why the search for alternatives to control vector populations becomes imperative. The objective of the present work was to study the effects of two Beauveria bass… Show more

Help me understand this report

Search citation statements

Order By: Relevance

Paper Sections

Select...
3
1
1

Citation Types

0
3
1
1

Year Published

2022
2022
2024
2024

Publication Types

Select...
5

Relationship

0
5

Authors

Journals

citations
Cited by 5 publications
(5 citation statements)
references
References 26 publications
0
3
1
1
Order By: Relevance
“…The application of the Ballvéria ® (B. bassiana isolate IBCB-66) at concentrations of 2 and 4% resulted in higher mortality, controlling 26% and 36% of the maggots, respectively. These results were inferior to those described by Quintero-Zapata et al (2022) in Aedes aegypti (Diptera: Culicidae) treated with solutions in 1.5 × 10 7 conidia/mL of the B. bassiana isolate NB3, and similar to isolate GHA, the authors observed that the application of the entomopathogenic fungi resulted in 63 and 30.7% mortality, respectively.…”
Section: Discussioncontrasting
confidence: 71%
See 1 more Smart Citation
“…The application of the Ballvéria ® (B. bassiana isolate IBCB-66) at concentrations of 2 and 4% resulted in higher mortality, controlling 26% and 36% of the maggots, respectively. These results were inferior to those described by Quintero-Zapata et al (2022) in Aedes aegypti (Diptera: Culicidae) treated with solutions in 1.5 × 10 7 conidia/mL of the B. bassiana isolate NB3, and similar to isolate GHA, the authors observed that the application of the entomopathogenic fungi resulted in 63 and 30.7% mortality, respectively.…”
Section: Discussioncontrasting
confidence: 71%
“…A review of the biological control of Calliphoridae by Caleffe et al (2019) showed that the major fungal species used to control this family were isolates of Metarhizium anisopliae and B. bassiana. In addition, studies utilizing different isolates of B. bassiana for the control of dipterans are available in literature (White, et al, 2021a;2021b;Quintero-Zapata, et al, 2022). However, to the best of our knowledge, there are no data on the effects of the B. bassiana isolate IBCB-66 on C. megacephala maggots.…”
Section: Discussionmentioning
confidence: 99%
“…In general, Ae. aegypti takes 7 to 9 days to complete the larval stage, but it took 36 days when the larvae were treated with B. bassiana ; this is epidemiologically significant in the disease transmission potential of the vector [ 49 ].…”
Section: Discussionmentioning
confidence: 99%
“…ปั จจุ บั นเกษตรกรผู ้ ปลู กทุ เรี ยนประสบปั ญหาการแพร่ ระบาดของแมลงศั ตรู พื ชที ่ เข้ ามาทำลายผลผลิ ตทุ เรี ยนตั ้ งแต่ เริ ่ มต้ น ของการสร้ างใบอ่ อนจนถึ งเก็ บเกี ่ ยวผลผลิ ต โดยแมลงศั ตรู พื ชที ่ สร้ างความเสี ยหายอย่ างมากมี หลายชนิ ด เช่ น เพลี ้ ยไฟ เพลี ้ ยหอย เพลี ้ ยแป้ ง เพลี ้ ยไก่ แจ้ มอดเจาะลำต้ น ด้ วงหนวดยาว และหนอนเจาะเมล็ ด Hodkinson (2009) ซึ ่ งเมื ่ อสั งเกตในพื ้ นที ่ ปลู กทุ เรี ยน ในภาคตะวั นออกส่ วนมากพบการเข้ าทำลายของเพลี ้ ยไก่ แจ้ (Psyllidae) เป็ นหลั ก ซึ ่ งมี ชื ่ อวิ ทยาศาสตร์ ว่ า Allocaridala maleyensis (Crawford) โดยพบระยะการเข้ าทำลายของเพลี ้ ยไก่ แจ้ ตลอดทั ้ งปี เริ ่ มจากทุ เรี ยนระยะเริ ่ มสร้ างใบอ่ อน ทำให้ ใบอ่ อนเกิ ดจุ ดแผลสี เหลื อง (Burckhardt et al, 2014;Butler & Trumble, 2012) ไม่ เจริ ญเติ บโต และใบบิ ดเบี ้ ยว เล็ กผิ ดปกติ ถ้ าระบาดหนั กใบจะหงิ กงอ แห้ งและร่ วงหล่ นลงสู ่ พื ้ นดิ น ยิ ่ งไปกว่ านั ้ นยั งสามารถลุ กลามไปยั งส่ วนของยอด ทำให้ เกิ ดยอดแห้ งเช่ นเดี ยวกั น นอกจากนี ้ ยั งพบว่ ามู ลหวานซึ ่ งเพลี ้ ยขั บถ่ ายออกมาในขณะลงทำลายจนกลายเป็ นแหล่ งอาหาร ให้ กั บเชื ้ อราดำให้ ขึ ้ นปกคลุ มใบทุ เรี ยนและส่ งผลทำให้ การสั งเคราะห์ แสงลดลงได้ (Fabrice et al, 2020) ด้ วยเหตุ นี ้ เกษตรกรผู ้ ปลู กทุ เรี ยนจึ งต้ องหาวิ ธี การป้ องกั นกำจั ดที (Hodkinson & Brid, 2006) ดั งนั ้ นการฉี ดพ่ นสารเคมี ฆ่ าแมลงจึ งได้ ผลการควบคุ มในระดั บต่ ำ หรื อไม่ ได้ ผลเท่ าที ่ ควร ด้ วยข้ อจำกั ดนี ้ คณะผู ้ วิ จั ยจึ งได้ หาแนวทางและวิ ธี การใช้ เชื ้ อรากิ นแมลง (Entomopathogenic fungi) เช่ น การใช้ เชื ้ อรา Beauveria bassiana Metarhizium anisopliae และ Paecilomyces lilacinus (Zapata et al, 2020;Ullah et al, 2018;Mascarin & Jaronski, 2016) ซึ ่ งปั จจุ บั นการใช้ เชื ้ อรากิ นแมลงได้ รั บความนิ ยมอย่ างมากเพราะมี คุ ณสมบั ติ ในการเข้ าทำลายแมลงได้ หลากหลายชนิ ด โดยเชื ้ อรากิ นแมลงสามารถติ ดไปกั บตั วแมลงและเข้ าไปในเนื ้ อเยื ่ อภายในตั วของแมลง (Mascarin et al, 2019) 1a) โดยแบ่ งใส่ ในโรงเรื อนตาข่ ายสี ขาวขนาด 69 x 49 x 160 เซนติ เมตร จำนวน 3 ต้ นต่ อ 1 โรงเรื อน รวมทั ้ งหมด 5 โรงเรื อน (Figure 1b (Zapata et al, 2020;Fabrice et al, 2020;Ullah et al, 2018;Bukhari et al, 2011) หลั งจากนั ้ นเมื ่ อนำตั วอ่ อนของเพลี ้ ยไก่ แจ้ ที ่ มี เชื ้ อรา B. bassiana เจริ ญขึ ้ นปกคลุ มลำตั วมาส่ องภายใต้ กล้ องจุ ลทรรศน์ พบว่ าเชื ้ อราดั งกล่ าวสามารถเจริ ญเข้ าไปภายในลำตั วของเพลี ้ ยไก่ แจ้ โดยการงอกส่ วนขยายพั นธุ ์ ที ่ เป็ นเส้ นใย แทงผ่ านเข้ าไปในลำตั วของแมลง หลั งจากนั ้ นก็ จะสร้ างสปอร์ ภายในตั วของแมลงและแพร่ กระจายตั วออกมา ภายนอกลำตั วแมลงเพื ่ อรอการแพร่ ระบาดไปยั งแมลงตั วใหม่ ต่ อไป (Figure 7)…”
Section: คำนำunclassified